กระเป๋าไทย “บอร์โบเล็ตต้า” ขายดีไซน์ ชูวัสดุรักษ์โลก นวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่น

กระเป๋าไทย “บอร์โบเล็ตต้า” ธุรกิจของ “หนูหวาน” วโรณิกา จูน เรซ มัดใจสาวๆ ด้วยดีไซน์สวยเก๋ คอนเซ็ปต์ กระเป๋าใบเดียวเที่ยวได้ทั่วโลก” ชูวัสดุเป็นหนังวิทยาศาสตร์ ใช้นวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่น ไม่ทำร้ายสัตว์  รายได้ส่วนนึ่งจากการขายกระเป๋าทุกใบ สมทบทุนเข้าโครงการของมูลนิธิมหาสมุทรแห่งปัญญา เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา และคุณภาพชีวิต เด็กด้อยโอกาสในประเทศไทย

กระเป๋าไทย Borboleta (บอร์โบเล็ตต้าชูคอนเซ็ปต์ กระเป๋าใบเดียวเที่ยวได้ทั่วโลก”  หรือ One bag, many adventures” มาพร้อมดีไซน์สวยเก๋ น้ำหนักเบา หนังกันน้ำ เป็นหนังวิทยาศาสตร์ นวัตกรรมจากประเทศญี่ปุ่น ให้สาวยุคใหม่สวยได้โดยไม่ทำร้ายสัตว์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรักษ์โลก คว้า เครื่องหมาย  PETA-APPROVED VEGAN จากประเทศสหรัฐอเมริกา การันตีแบรนด์รักษ์โลก ไม่ทำร้ายสัตว์

นางสาววโรณิกา จูน เรซ  (หนูหวาน) กรรมการผู้จัดการ ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์ กระเป๋าแบรนด์ บอร์โบเล็ตต้าภายใต้ชื่อบริษัท  เธโซรา จำกัด  เปิดเผยว่า “ ก่อตั้งแบรนด์ Borboleta (บอร์โบเล็ตต้า) ในปี  2012 เป็นแบรนด์กระเป๋าถือของผู้หญิง

คำว่า “Borboleta” แปลว่า ผีเสื้อ ซึ่งเป็นภาษาโปรตุเกส  ภายใต้สโลแกน “One bag, many adventures”  หรือ “กระเป๋าใบเดียวเที่ยวได้ทั่วโลก”  เกิดจากแรงบันดาลใจมาจากการเดินทาง ประกอบกับมีใจรักด้านการออกแบบ จนเกิดความเชี่ยวชาญ แนวคิดการออกแบบกระเป๋า ตั้งใจออกแบบกระเป๋าที่ทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น  ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ต่างๆของผู้หญิง เช่น มีช่องใส่ของปริมาณเยอะ เพื่อง่ายต่อการหยิบของสะดวก น้ำหนักเบา สะพายได้ทั้งวันไม่เมื่อยบ่า ดีไซน์เก๋สวย และสามารถใช้ได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น  มุ่งกลุ่มเป้าหมายเป็นคนยุคใหม่ชอบเดินทางท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศ

คุณหนูหวาน กล่าวต่อว่า ได้วางกลยุทธ์ 5 ด้านเพื่อเป็นหลักการดำเนินงานของแบรนด์  อาทิ 1 ) มุ่งการออกแบบฟังก์ชั่นของกระเป๋าทุกใบเพื่อใช้งานง่าย มีช่องเก็บของเยอะ ทั้งที่คล้องกญแจ ซ่องซิป หยิบใช้สะดวก เป็นต้น  เพราะเชื่อว่า กระเป๋าทุกใบเปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของผู้หญิง ทำให้ชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น

2) มุ่งเฟ้นเลือกวัสดุที่ผลิตกระเป๋าต้องสวยโดยไม่ฆ่าสัตว์ เนื่องจากกระเป๋าของแบรนด์ Borboleta ทั้งหมดทำจากหนังวิทยาศาสตร์ เป็นวัสดุที่มีคุณภาพสูงที่ทำจากไมโครไฟเบอร์ 100% เป็นนวัตกรรมจากญี่ปุ่น โดยนวัตกรรมนี้ให้รูปลักษณ์ความรู้สึกและความทนทานของหนังแท้ แต่ดีกว่าตรงที่หนังกันน้ำ แข็งแรงทนทานไม่ลอก และเบากว่าหนังแท้ถึง 30%  เป็นวัสดุรักษ์โลก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3) ราคาจำหน่ายต้องยุติธรรมสำหรับลูกค้า เพราะควบคุมตั้งแต่การออกแบบ ผลิต ไปจนถึงจัดจำหน่ายตรงถึงมือลูกค้า ไม่ผ่านคนกลาง ทำให้สามารถจำหน่ายกระเป๋าในราคาเบาๆ โดยคงไว้ที่คุณภาพส่งออกทุกใบ

4) มุ่งการผลิตเชิงจริยธรรม และเน้นคุณภาพการผลิตที่ได้มาตรฐานส่งออก ช่างฝีมือทุกคนมีประสบการณ์ในการตัดเย็บกระเป๋าอย่างน้อย 15 ปี มั่นใจได้ว่ากระเป๋าทุกใบมีคุณภาพสูงสุด และพนักงานทำงานภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี และได้รับสวัสดิการที่ดีพร้อม

5) การบริจาคกลับคืนสู่สังคม รายได้ส่วนนึ่งจากการขายกระเป๋าทุกใบ สมทบทุนเข้าโครงการของมูลนิธิมหาสมุทรแห่งปัญญา (www.owfo.org) เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา และคุณภาพชีวิต เด็กด้อยโอกาสในประเทศไทยต่อไป”

สำหรับแผนการตลาดในปี 2562 นางสาววโรณิกา ระบุว่า แบรนด์ใช้กลยุทธ์ “ปากต่อปาก” ตลอดเวลาดำเนินธุรกิจร่วมระยะเวลากว่า 7 ปี ลูกค้าชื่นชอบกระเป๋าที่ออกแบบเก๋ไม่เหมือนใคร ฟังก์ชั่นครอบคลุมทุกความต้องการ น้ำหนักเบา หนังกันน้ำ ดูแลง่าย ใช้หนังวิทยาศาสตร์ รักษ์สิ่งแวดล้อมไม่ฆ่าสัตว์ ลูกค้านำไปใช้งานจริง สะพายได้ทั้งวันไม่เจ็บบ่า ลูกค้าจึงเกิดการซื้อซ้ำและบอกปากต่อปากให้แก่แบรนด์

ปัจจุบันแบรนด์บอร์โบเล็ตต้า ส่งออกจำหน่ายไปกว่า 50 ประเทศ  อาทิ ในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดาออสเตรเลีย  สิงคโปร์  และ มาลาเซีย  เป็นต้น

“พฤติกรรมการซื้อก็แตกต่างกัน ฝั่งลูกค้าต่างประเทศนั้นซื้อผ่านหน้าเว็บไซต์ทันที  แต่ลูกค้าในประเทศไทยปริมาณสูงที่ต้องติดต่อสอบถามทางผ่านทางแอปพลิเคชั่น LINE ลูกค้าไทยจะพูดคุยสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า”

ในปี 2562 ผู้ก่อตั้งเเบรนด์ “บอร์โบเล็ตต้า” จะมุ่งเน้นการทำงานด้านการรับรู้แบรนด์กับผู้บริโภครอบด้าน อาทิ ออนไลน์ facebook.com/borboletabag  และขยายเพิ่มช่องทาง offline นอกจากนี้ยังมีการ collaborate  กับแบรนด์อื่นๆ เพื่อเป็นการ cross promote

“กิจการในปีนี้ ทางแบรนด์จะมีอีก 4 แบบกระเป๋า แบ่งเป็นในกลุ่มกระเป๋าทำงานหลายฟังชั่น เพื่อเอาใจสาวยุคใหม่ กระเป๋าสำหรับเดินทางปริปสั้นๆ ไม่เกินสี่วัน  เพราะไลฟ์สไตล์สาวยุคใหม่จะมีทริป  long weekend บ่อยขึ้น และมีแผนเจาะกลุ่มลูกค้าในประเทศลาวกับพม่า โดย 2 ประเทศพฤติกรรมผู้บริโภคชื่นชอบสินค้าไทยที่มีคุณภาพดี มีเอกลักษณ์ จึงคาดว่าจะลองรุกตลาดนี้ ในปี 2562 จากการโหมด้านการตลาดคาดว่าจะเพิ่มการกระตุ้นรับรู้แก่กลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นสูงถึง 80% ” นางสาววโรณิกา  กล่าว

นางสาววโรณิกา กล่าวต่อว่า  “มั่นใจว่าตลาดภาพรวมของแบรนด์กระเป๋าในประเทศไทยลูกค้าคนไทยหันมาให้ความสำคัญและสนับสนุนแบรนด์ไทยกันมากขึ้น จะเห็นได้ชัดว่าภาพรวมตลาดแบรนด์ไทยผุดแบรนด์น้องใหม่ๆ เข้ามาแข่งขันจำนวนมาก ด้านการเติบโตตลาดนั้นก็ยังเติบโตได้เรื่อยๆ  ดังนั้น หากผู้ผลิตรายใดที่ตั้งใจผลิตสินค้าออกมาจำหน่ายแบบคุณภาพ มีจุดเด่นชัดเจน จริงใจต่อลูกค้า ลูกค้าก็พร้อมจ่ายและพร้อมสนับสนุนเสมอ แม้บางแบรนด์มีราคาสูงตามคุณภาพก็ตาม มองว่าปัจจัยผู้บริโภคจำนวนมากให้ความสำคัญเรื่องการใช้งานกระเป๋าเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากกว่าราคาจำหน่าย และมองการซื้อกระเป๋าและของใช้ประจำวันเป็นการลงทุน ลูกค้ายินยอมจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อการใช้งานที่คุ้มค่าและได้ใช้ในระยะยาว ”