นางสวย แก้วปัญญา อายุ 51 ปี เกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวอินทรีย์ตำบลนาวัง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากเดิมเป็นเกษตรกรผู้ผลิตข้าวเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันหันมาเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ขายในเวลาเดียวกัน โดยขายข้าวเหนียวดำถุง ภายใต้แบรนด์ “แก้วปัญญา” ราคากิโลกรัมละ 60 บาท และข้าวไรซ์เบอร์รี่ กิโลกรัมละ 70 บาท ขณะเดียวกันก็เพิ่มสีสันของสินค้าโดยการนำข้าวเหนียวดำมาหุง ต้มเผือก ต้มถั่วเหลือง ขุดมะพร้าวอ่อนต้มสุก โรยหน้าด้วยงาและน้ำตาลทราย ใส่กล่องหรือใส่ถ้วยขายราคา 20 บาท ได้รับการตอบรับที่ดี ปัจจุบันมีขายที่ตลาดเกษตรกรหรือตลาดร่มเขียวหน้าสำนักงานเกษตรจังหวัดอุดรธานี หน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาอำเภอบ้านดุง บางครั้งก็ไปขายที่ห้างท็อปมาร์เก็ต และตามงานหรือกิจกรรมต่างๆ ที่มีการเชิญผลิตภัณฑ์ชุมชนไปออกร้าน

นางสวยเล่าว่า ครอบครัวมีพื้นที่ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ 2-3 ไร่ และปลูกข้าวเหนียวดำ 17 ไร่ เพียงพอต่อการจำหน่ายทั้งเป็นข้าวถุง และนำมาดัดแปลงเป็นข้าวเหนียวดำทรงเครื่องทั้งปี ปัจจุบันได้เพิ่มไลน์สินค้า เช่น ข้าวเหนียวดำสังขยา ขนมถั่วแปบจากข้าวเหนียวดำ บัวลอยข้าวเหนียวดำ ได้รับการตอบรับที่ดี มีกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้นจากที่ไม่รู้จักข้าวเหนียวดำ บางรายบอกว่ากินไม่เป็น แต่พอทดลองกินข้าวเหนียวดำทรงเครื่องแล้วชอบก็กลายเป็นลูกค้าประจำและพลอยซื้ออย่างอี่นได้ด้วย เมื่อนึกอยากกินก็จะนึกถึงตลาดร่มเขียว ซึ่งทำรายได้เพิ่มขึ้นจากข้าวเหนียวดำต้นทุน 400 บาท สามารถเพิ่มยอดขายเป็น 2,000 บาททันที

สำหรับ “ข้าวเหนียวดำทรงเครื่อง” หรือ “ข้าวโซย” เป็นการดัดแปลงจากการกินข้าวเหนียวดำนึ่งธรรมดา มาผสมกับเครื่องต่างๆ อาทิ เผือกนึ่งสุกกวน ถั่วเหลืองสุก งา น้ำตาล มะพร้าวอ่อนขุดนึ่งสุก รับประทานเป็นทั้งอาหารและของหวานในเวลาเดียวกัน จากต้นทุนข้าวเหนียวดำ 400 บาท พอนำมาทำเป็นข้าวเหนียวดำทรงเครื่องสามารถเพิ่มมูลค่าได้ถึง 2,000 บาท

“ความยุ่งยากจะอยู่ที่ความขยันของคนทำและขาย เพราะต้องลุกขึ้นมานึกข้าวเหนียวดำไว้ เนื่องจากสุกยากใช้เวลานานกว่าข้าวเหนียวธรรมดา อีกทั้งต้องเตรียมเครื่องอย่างอื่น แต่ไม่ยุ่งยากมากนัก เพราะเกือบทุกอย่างต้องต้มหรือนึ่ง มีหลายคนถามว่าทำไมมะพร้าวอ่อนขุดต้องต้มสุกด้วย ซึ่งนี่เป็นเคล็ดลับทำให้ข้าวเหนียวดำทรงเครื่องอร่อยและไม่เสียไว”

นางสวยบอกอีกว่า ได้นำข้าวเหนียวดำทรงเครื่องไปจำหน่ายที่ห้างท็อปส์มาร์เก็ต มียอดขายวันละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท และมีอีกหลายที่อยากให้นำไปขาย ก็จะทยอยเปิดจุดขายหรือสาขาเพื่อเพิ่มยอดขาย ซึ่งในปีหน้าอาจจะต้องหาข้าวเหนียวดำมาเพิ่มเติมจากที่มีอยู่

ข้อมูลจาก www.prachachat.net