สุดยอดกลไกอัจฉริยะ นาฬิกา “ฌาเกต์ โดรซ์”นกร้องเพลง

            เรื่องราวของ “ปิแอร์ ฌาเกต์ โดรซ์” (Pierre-JaquetDroz)เป็นตำนานคู่กันมากับ “อองรี เมลลาร์เดต์”(Henry Maillardet) นักประดิษฐ์นาฬิกาศิลปะชั้นสูงของยุโรปแห่งศตวรรษที่ 18

ความโดดเด่นของ ปิแอร์ ฌาเกต์ โดรซ์ คือ งานศิลปะเชิงช่างของเขายังได้รับการสืบทอดโดยลูกหลานต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้ยาวนานถึง 275 ปีแล้ว ขณะที่ผลานของอองรี เมลลาร์เดต์นั้นเหลือเพียงบันทึกประวัติศาสตร์และต้นแบบงานที่จัดแสดงให้เห็นในพิพิธภัณฑ์เท่านั้นเอง

           ปิแอร์ ฌาเกต์ โดรซ์เกิดเมื่อปีค.ศ. 1721 เป็นช่างนาฬิกาชื่อดังแห่งยุคนั้นมีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องกลไกอัจฉริยะและเป็นช่างนาฬิกาประดับอัญมณีระดับแนวหน้า เขาเป็นเจ้าของร้านนาฬิกาฌาเกต์ โดรซ์ ซึ่งโด่งดังมากในลอนดอนขณะที่อองรี เมลลาร์เดต์เป็นเพียงช่างฝีมือคนเก่งประจำร้าน และทั้งสองช่วยกันสร้างสรรค์งานระดับตำนานที่ได้รับการยกย่องอย่างมากมาย

เวลานั้นกรุงลอนดอนเป็นศูนย์กลางตลาดการค้าที่จะเปิดประตูสู่เอเชียเพราะยังเป็นการค้าสำเภาที่อาศัยเรือเดินสมุทรเป็นหลัก ดังนั้นช่างฝีมือเก่งๆในยุโรปไม่ว่าจะเป็นสวิส ฝรั่งเศส หรืออิตาลีมักจะหาทางมาเปิดตัวตนแสดงผลงานให้พ่อค้าชาวจีนได้เห็นที่ลอนดอนให้ได้

อองรี เมลลาร์เดต์ ได้มาเป็นช่างประจำร้านฌาเกต์ โดรซ์ ก็เพราะเหตุนี้ แต่ด้วยความสามารถอันเอกอุ ทำให้เขาไม่เพียงเป็นมือขวาของ ฌาเกต์ โดรซ์ หากยังมีผลงานชิ้นเอกคือหนอนหุ่นยนต์และสัตว์สวยงามอื่นๆ ที่สามารถนำออกแสดงเดี่ยวและได้รับเชิญให้ตระเวณโชว์สินค้าไปทั่วยุโรป รวมถึงราชสำนักรัสเซียที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วย

แต่หากจะวัดกันจากจำนวนชิ้นงานและมรดกศิลปะกลไกระบบอัตโนมัติที่หลงเหลือสืบทอดมาถึงปัจจุบันแล้ว ต้องยกความเป็นอมตะหนึ่งเดียวนี้ให้กับ ปิแอร์ ฌาเกต์ โดรซ์ ที่สร้างสรรค์ผลงานอันโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์หลายชิ้น ได้แก่ นกร้องเพลงนาฬิกาและน้ำพุดนตรี รวมถึงตุ๊กตาหุ่นกลไกอัตโนมัติThe Writer หรือ นักเขียน ที่เข้าสร้างขึ้นโดยมี อองรี เมลลาร์เดต์เป็นผู้ช่วย

ตุ๊กตากลThe Writer รูปเด็กชายสูงประมาณ ฟุต สร้างขึ้นในปี 1775) เป็นหุ่นกลไกอัตโนมัติที่มีระบบการทำงานซับซ้อนด้วยกลไกมากกว่า 6,000 ชิ้น สามารถตั้งระบบให้เขียนข้อความได้มากว่า 40 ตัวอักษร ตุ๊กตาตัวนี้สร้างขึ้นมาคู่กับThe Musician นักดนตรีซึ่งเล่นเพลงได้อย่างไพเราะและโค้งคำนับได้ด้วย และThe Draftsman ช่างเขียนซึ่งทุกวันนี้ยังสามารถชมผลงานเหล่านี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์นูชาเตล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ความเป็นนักประดิษฐ์คิดสร้างสรรค์และฝีมืออันประณีตของฌาเกต์ โดรซ์ ดังก้องไปทั่วโลก ทั้งราชสำนักยุโรปรัสเซียจีน และญี่ปุ่น งานที่ผลิตขึ้นมามีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ทำให้เขาต้องเปิดโรงงานขึ้นถึง 3 แห่ง ในฝรั่งเศสเจนีวา และลอนดอน

งานศิลปะกลไกอัตโนมัติของฌาเกต์ โดรซ์ ส่วนใหญ่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เริ่มจากเลียนแบบเสียงนกร้องโดยทำเสียงที่เกิดจากนกหวีดและหีบเพลงเป่าบรรจุไว้ในกล่องใส่ยาสูบ หรือไม่ก็ในขวดสวยๆ หรือแม้แต่ในกระบอกปืน

แต่สุดยอดงานประดิษฐ์อันซับซ้อนของเขาก็คือกลไกอัตโนมัติอันละเอียดอ่อนของนาฬิกาประดับอัญมณีที่มีเสียงนกร้องเพลงและนกกำลังป้อนอาหารให้ลูกที่เรียกว่าThe Bird Repeaterซึ่งมีกลไกที่ทำให้นกร้องเพลงเป็นเวลาสม่ำเสมอ และแม่นกออกมาป้อนอาหารให้ลูกนกเสมือนที่เกิดขึ้นในธรรมชาติจริงๆ

ในการออกแบบสร้างสรรค์นาฬิกาทุกรุ่น ฌาเกต์ โดรซ์ จะเริ่มต้นจากเรื่องความงดงามก่อนแล้วจึงขยับไปพัฒนาด้านการผลิตกลไก ตั้งแต่ปี 1738 มาแล้วที่ฌาเกต์ โดรซ์ มีเทคนิคเฉพาะตัวในการสร้างนาฬิกาให้งามโดดเด่นตั้งแต่การลงยาและประดับอัญมณีบนตัวเรือนจนกลายเป็นประเพณีของนาฬิกาในตระกูลฌาเกต์ โดรซ์ไปแล้วว่าจะต้องประดับขอบวงแหวนด้วยมุกและทับทิม หรือไม่ก็มีหน้าปัดโดดเด่นด้วยแสงระยิบระยับของทองคำ เพชร ทับทิมและความงดงามของการเจียระไนแซฟไฟร์หรือมรกตที่หาได้ยาก

ระบบลงยาของนาฬิกาฌาเกต์ โดรซ์ เป็นเทคนิคทำมือล้วนๆ ใช้ผงลงยาละเอียดที่สุดและช่างที่เชี่ยวชาญสูงสุดเท่านั้น สีลงยาของฌาเกต์ โดรซ์จึงไม่เหมือนใคร ดูลึกลับ มีเสน่ห์ แม้แต่สีงาช้าเรียบๆก็แปลกตา เพราะฌาเกต์ โดรซ์ จะให้ความสำคัญในขั้นตอนนี้มากหากเกิดมีรอยแตกแม้จะเล็กขนาดเส้นผมก็อาจทำให้ลูกค้าไม่ยอมรับนาฬิกาได้ และด้วยกฎดังกล่าวช่างทำหน้าปัดอาจต้องสร้างหน้าปัดอย่างน้อย 5 ชิ้นพร้อมกัน เพื่อที่จะเลือกชิ้นที่ดีที่สุดเพียงชิ้นเดียว

           และสำคัญที่สุดคือมีกลไกอัตโนมัติที่ทำให้เกิดภาพเคลื่อนไหวภายในตัวนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นนกน้อยออกมาขยับปีกเต้นรำและร้องเพลงไปรอบๆ ผีเสื้อบินว่อน ปลาคาฟท์ว่ายวนในน้ำ ดอกบัวคลี่กลีบบาน ฯลฯ


ความเป็นฌาเกต์ โดรซ์คือความเป็นหนึ่งเดียวและกลไกแบบไขลานอัตโนมัติหรือแบบหมุนไขลานด้วยมือ จะมีสะพานลานหรือแผ่นแพลทประทับตราคุณภาพ Cotes de Denneveเอาไว้พร้อมกับรูปพระอาทิตย์บนโรเตอร์ขึ้นลาน ซึ่งกลไกระบบสลับซับซ้อนต่างๆจากฌาเกต์ โดรซ์ มีตั้งแต่ระบบตีระฆังบอกนาที,ระบบบอกสมการเวลา,ระบบปฎิทินถาวร,ระบบชั่วโมงกระโดด,ระบบบอกเวลาข้างขึ้นข้างแรม

ความเป็นหนึ่งเดียวของฌาเกต์ โดรซ์ เริ่มมาจากการผลิตในยุคแรกตามคำสั่งซื้อ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากราชสำนักและพ่อค้าขุนนางผู้มั่งคั่งทำให้นาฬิกาฌาเกต์ โดรซ์ กลายเป็นงานศิลปะชิ้นเอกเพียงชิ้นเดียวที่ไม่ซ้ำแบบใคร โดยการผลิตนาฬิกาแต่ละเรือนทำด้วยมืออันประณีตพิถีพิถันทุกขั้นตอน จึงไม่ต้องสงสัยว่าเหตุใดฌาเกต์ โดรซ์ถึงได้แพงนักหนา

นาฬิกานกป้อนเหยื่อให้ลูก หรือThe Bird Repeaterรุ่นJaquetDroz’s Grande SecondeQuantieme Ivory Enamelชนิดเรือนทองไม่ได้ประดับอัญมณีที่เปิดตัวในปี 2013 ในงานแสดงนาฬิกาบาเซิลเวิลด์ สวิตเซอร์แลนด์ ราคาเริ่มต้นที่ 500,000 สวิสฟรังซ์ (520,000 ดอลลาร์)หรือประมาณ 17.16 ล้านบาท

The Bird Repeater เป็นงานศิลปะที่ถ่ายทอดทั้งความสวยงาม ความอิสระ ความผูกพัน และความน่าหลงใหลในความงดงามของธรรมชาติทีร้อยรัดผ่านกาลเวลาอยู่กับมนุษย์ ด้วยรูปสลักนูนต่ำเสมือนจริงของครอบครัวนกเคลื่อนที่ไหวได้บนหน้าปัดนาฬิกา

ผลงานศิลปะแห่งเวลาชิ้นนี้ตกแต่งด้วยรูปนกกระจิบสองตัวยืนอยู่เหนือรังที่มีลูกนกน้อยสองตัวกับไข่หนึ่งฟอง ฉากหลังเป็นน้ำตก เมื่อเสียงตีระฆังอันแสนไพเราะของกลไกจักรกลที่สืบทอดประเพณีการสร้างสรรค์มาจากปิแอร์ ฌาเกต์-โดรซ์ดังขึ้น แม่นกทางซ้ายมือก็จะผงกหัวลงป้อนอาหารให้ลูกขณะที่พ่อนกอีกตัวขยับปีกกางออกเผยให้เห็นเฉดสีละเอียดอ่อนเป็นชั้นๆของปีกนกที่ลงยาอย่างประณีต ส่วนไข่ที่อยู่กลางรังนกก็จะอ้าออกเผยให้เห็นนกน้อยอีกตัวที่พร้อมจะโผล่ออกมาดูโลกกว้าง ปิดท้ายด้วยเสียงน้ำไหลเลื้อยไปตามลำธารอย่างต่อเนื่อง

การเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติและเหมือนจริงทั้งหมดนี้ เป็นกลไกของระบบนาฬิกาภายใต้หน้าปัดแกะสลักตัวเรือนทองชมพูสีเข้ม 18K ขนาด 47.0 มิลลิเมตร หนา 18.4 มิลลิเมตรพร้อมทั้งความสลับซับซ้อนของฟังก์ชันตีระฆังบอกนาทีหรือมินิต รีพีตเตอร์ ที่ใช้งานเพื่อตีระฆังบอกเวลาทุกชั่วโมงและทุกๆ 15 นาที

นับตั้งแต่นาฬิกาการเปิดตัวครั้งแรกในศตวรรษที่ 18 จนบัดนี้ “ฌาเกต์ โดรซ์” ยังคงสืบทอดจิตวิญญาณการสร้างสรรค์นวัตกรรมและความงามประณีตของผู้ก่อตั้งอย่าง ปิแอร์ ฌาเกต์-โดรซ์ ทั้งงานออกแบบและการใช้วัสดุ ชุดกลไกจักรกลอันซับซ้อน ศิลปะการตกแต่งสุดประณีต ที่ถ่ายทอดมรดกสืบมารุ่นต่อรุ่น

กระทั่งเมื่อเข้าร่วมธุรกิจกับกลุ่มสวอท์ช กรุ๊ป(The Swatch Group) ในปี 2000 ก็ยังคงสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆไม่สิ้นสุด สามารถขยายขอบเขตของประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 275 ปีอย่างต่อเนื่อง

           การสร้างแบรนด์แล้วสามารถรักษาชื่อเสียงให้ยืนยงคงกระพันมาได้ยาวนานขนาดนี้ถือว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดาจริงๆ

######