เผยแพร่ |
---|
เปิดประวัติ “นิสชิน” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าแรกของโลก
เคยสงสัยกันไหมว่าใครที่เป็นผู้คิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นคนแรก อีกทั้งยังทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้รับความนิยมไปทั่วโลก วันนี้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ จะมาบอกเล่าประวัติผู้ที่คิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นคนแรกกัน
จุดเริ่มต้น “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป”
โมโมะฟูกุ อันโด ผู้ก่อตั้งบริษัท NISSIN FOODS เกิดเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1910 ซึ่งตรงกับปีที่ดาวหางฮัลเลย์โคจรเข้าใกล้โลก อันโดสูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังแบเบาะ เขาจึงถูกเลี้ยงดูโดยคุณปู่ซึ่งเปิดร้านขายส่งผ้าในเมือง ทำให้เขาได้เห็นบรรยากาศการค้าขายอย่างใกล้ชิด
ในวัย 22 ปี เขาได้ก่อตั้งบริษัทที่จำหน่ายสิ่งทอ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำให้เขาได้เข้าไปร่วมงานกับกิจการอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ทว่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างมาก ถนนหนทางเต็มไปด้วยผู้คนที่หิวโหย และมีคนจำนวนมากล้มตายเพราะขาดสารอาหาร
วันหนึ่งขณะที่เขาเดินผ่านตลาดใกล้สถานีโอซากะ บังเอิญเห็นผู้คนต่อแถวยาวท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น เพื่อรอซื้อราเมนร้อนๆ แสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นชอบราเมนมากแค่ไหน ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เขาเชื่อว่าการต่อแถวยาวเป็นสัญญาณของ “ความต้องการ”
ในเวลานั้นรัฐบาลญี่ปุ่นแนะนำให้ผู้คนรับประทานอาหารที่ปรุงจากแป้งสาลีของอเมริกา เขาจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า “ทำไมรัฐบาลถึงไม่แนะนำให้คนกินราเมน” เพราะทำมาจากแป้งสาลีเหมือนกัน
เขาจึงคิดค้น “ราเมนที่ปรุงได้อย่างรวดเร็วและรับประทานที่บ้านโดยใช้เพียงน้ำร้อน”
โมโมะฟูกุ รวบรวมเครื่องมือและวัสดุทั้งหมดที่ใช้ในโครงการนี้ด้วยตัวเอง และพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีโดยไม่พักผ่อนแม้แต่วันเดียว และมีเวลานอนวันละไม่ถึง 4 ชั่วโมง
สิ่งที่เขาตั้งเป้าไว้สำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มี 5 ประการ นั่นคือ อย่างแรก เส้นต้องมีรสชาติ “อร่อย” คนกินแล้วไม่เบื่อ อย่างที่สอง เส้นจะต้องไม่เน่าเสียง่าย “เก็บได้นาน” ต่อมาจะต้อง “ปรุงง่ายและรวดเร็ว” อีกทั้งต้องมี “ราคาไม่แพง” และอย่างสุดท้าย เส้นจะต้อง “ปลอดภัย” และถูกสุขอนามัย
เนื่องจากเขาเป็นคนทำเส้นบะหมี่มือใหม่ จึงใช้เวลาทดลองทำและทิ้งนับไม่ถ้วน จนในที่สุด เขาก็ได้สูตรที่เหมาะสมจากการเห็นภรรยากำลังทอดเทมปุระอยู่ในครัว
“วันหนึ่งเขาเข้าไปในครัวขณะที่ภรรยากำลังทอดเทมปุระ เขาสังเกตเห็นว่าแป้งที่เคลือบในน้ำมันร้อนๆ ปล่อยความชื้นออกมา ทำให้มีฟองอากาศรอบๆ แป้งในกระทะ”
จึงจุดประกายให้เขานำหลักการทำเทมปุระมาใช้กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เขาลองทอดบะหมี่ในน้ำมันทันที และพบว่าความชื้นในบะหมี่ถูกบีบออกโดยน้ำมันที่อุณหภูมิสูง ทำให้บะหมี่แห้งสนิท ไม่เสื่อมสภาพหรือสลายตัวแม้จะเก็บไว้เป็นเวลานาน
เขาตระหนักได้ว่าวิธีนี้ยังแก้ปัญหาความสะดวกได้อีกด้วย เนื่องจากน้ำร้อนที่ราดลงบะหมี่จะถูกดูดซึมเข้าไป ทำให้กลับมานุ่มดังเดิม
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ปี 1958 เป็นวันที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกของโลก ภายใต้ชื่อ “Chikin Ramen (ชิกิง ราเมน)” ซึ่งเป็นอาหารพร้อมทานภายใน 2 นาทีหลังจากเติมน้ำร้อน ทำให้ได้รับการขนานนามว่า “บะหมี่มหัศจรรย์”

Chikin Ramen เปิดตัวในราคา 35 เยน (ประมาณ 7 บาท) แต่สมัยนั้นถือว่ามีราคาสูงเมื่อเทียบกับอูด้งที่ราคาเพียงชามละ 6 เยน (ประมาณ 1 บาท) ทำให้เจ้าของร้านค้าลังเลที่จะสต๊อกไว้เพราะกลัวว่าสินค้าจะขายไม่ออก
ต่อมา Chikin Ramen ได้มีชื่อเสียงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสินค้ายอดฮิต จนรถบรรทุกของผู้ค้าส่งต้องต่อแถวยาวถึงหน้าโรงงานเพื่อรอสินค้า อีกทั้งเขายังมีการทำโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ ทำให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

บะหมี่ถ้วยเจ้าแรกของโลก
ในปี 1966 ระหว่างที่เขาเดินทางไปเยี่ยมผู้ซื้อในสหรัฐอเมริกา เขาได้เห็นผู้จัดการในสำนักงานหักเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลงในถ้วยกระดาษ เติมน้ำร้อน และใช้ส้อมในการกิน
สิ่งนี้ทำให้เขาเกิดไอเดียทำ “นิสชิน คัพนูดเดิล” หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยขึ้น ที่ทั้งง่ายและสะดวกกว่าแบบซองหลายเท่า นิสชิน คัพนูดเดิล เปิดตัวเมื่อวันที่ 18 กันยายน ปี 1971 ในราคาสูงถึง 100 เยน (ประมาณ 21 บาท) ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากนัก

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเปิดช่องทางการขายใหม่ โดยทำ “เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ” ที่สามารถกดน้ำร้อนได้ทันทีที่ซื้อ กลายเป็นว่าเครื่องนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ภายใน 1 ปี ถูกติดตั้งไปแล้วกว่า 20,000 เครื่องทั่วประเทศ
นอกจากนี้ เขายังเน้นไปที่ทำเลยอดฮิตอย่าง “ถนนกินซ่า” ทำให้เขาขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ถึง 20,000 ชิ้นเลยทีเดียว
จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1972 เกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายจับตัวประกันที่เมืองนาโกยา ซึ่งออกอากาศทางโทรทัศน์อย่างกว้างขวาง และเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถ่ายทอดสดทุกวัน
โดยระหว่างที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่นั้นก็เห็นภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังกินบะหมี่ถ้วย ท่ามกลางกระท่อมบนภูเขาซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ชมทางบ้านต่างออกไปซื้อบะหมี่ถ้วยกันถ้วนทั่ว จึงทำให้บะหมี่ถ้วยขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ช่วงวัยที่ใกล้จะเกษียณ
เมื่อตอนที่ โมโมะฟูกุ อายุ 91 ปี เขาได้พัฒนาอาหารสำหรับอวกาศ และก่อตั้งทีมพัฒนาขึ้น ชื่อว่า “The Space Ram” เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับรับประทานในอวกาศ มีการทำให้น้ำซุปข้นขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกไปในสภาวะไร้น้ำหนัก และทำให้บะหมี่มีขนาด รูปร่าง ที่สามารถทานได้ในคำเดียว

Space Ram เดินทางสู่อวกาศในเดือนกรกฎาคม ปี 2005 โดยมี โซอิจิ โนกูจิ นักบินอวกาศคนแรกที่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในอวกาศ
โมโมะฟูกุ ผู้ซึ่งบรรลุความฝันในวัย 95 ปี กล่าวว่า “ไม่มีอะไรที่เรียกว่าสายเกินไปในชีวิต”
อ้างอิง