เผยแพร่ |
---|
รีไฟแนนซ์บ้าน ตัวช่วยคนผ่อนบ้าน มือใหม่อยากรีบ้าง ต้องทำอย่างไร?
รีไฟแนนซ์ หากใครเพิ่งเคยผ่อนบ้านผ่อนรถ ก็คงจะได้ยินคำคำนี้ผ่านหูมาบ้าง แต่อาจจะสงสัยว่า รีไฟแนนซ์ คืออะไร? รีไฟแนนซ์ ก็คือการขอกู้เงินจากสถาบันการเงินใหม่เพื่อนำไปปลดภาระเงินกู้เก่าที่มีอยู่นั่นเอง
โดยส่วนใหญ่คนรีไฟแนนซ์กัน มีเหตุผลในเรื่องของ การเลือกสถาบันการเงินใหม่ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำกว่า เพื่อช่วยลดภาระค่าผ่อนชำระต่อเดือนหรือช่วยให้ผ่อนหมดได้เร็วขึ้น แล้วมือใหม่สนใจรีไฟแนนซ์บ้าง โดยเฉพาะการรีไฟแนนซ์บ้าน จะยุ่งยากหรือไม่และต้องทำอย่างไร คุณปริตา ธิติปรีชาพล กลุ่มบริการที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้แนะขั้นตอนการรีไฟแนนซ์ ดังนี้
ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน
1. ตรวจสอบสัญญากู้บ้าน : ถ้าอยากรีไฟแนนซ์บ้าน ขั้นแรกให้เอาสัญญากู้บ้านมาตรวจสอบดูว่าสามารถเริ่มทำได้ตอนไหน ซึ่งส่วนมากในสัญญาสามารถเริ่มรีไฟแนนซ์บ้านได้เมื่อผ่อนไปแล้ว 3 ปี
2. เลือกธนาคารที่ใช่ : เป็นข่าวดีเพราะการรีไฟแนนซ์นั้นมีให้เลือกมากกว่า 100 โปรโมชั่น ซึ่งเรื่องของดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร เราต้องนำข้อมูลของหลายๆ ธนาคารมาเทียบกัน ถ้าเลือกดีๆ จะได้ธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยที่ถูกที่สุด และช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยได้นับแสนเลยทีเดียว และอีกเรื่องที่สำคัญคือ ธนาคารที่เราจะเลือกใช้บริการ Refinance นั้นเราสะดวกในการเข้าไปติดต่อทำธุรกรรมหรือไม่
3. เตรียมเอกสาร : การรีไฟแนนซ์บ้านมีเอกสารหลายส่วนที่ต้องเตรียม เพราะคล้ายการขอยื่นกู้บ้านใหม่อีกรอบ ซึ่งเอกสารที่แต่ละธนาคารต้องการมักจะคล้ายกัน ดังนี้
— เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล : เอกสารที่เกี่ยวกับข้อมูลของผู้กู้ ใช้เพื่อยืนยันตัวตนกับธนาคาร
- สำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ของคู่สมรส (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนสมรส/หย่า/ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
- สำเนาใบมรณบัตร และทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)

— เอกสารแสดงหลักประกันที่นำมารีไฟแนนซ์
- สำเนาแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือ หนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ห้องชุด
- ใบอนุญาตปลูกสร้าง/หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่น สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน ทด.13 หรือสัญญาให้ที่ดิน ทด.14
- สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน
- สำเนาสัญญากู้เงินธนาคารเดิม
- สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุด
- แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป
— เอกสารแสดงรายได้ : แบ่งประเภทของผู้มีรายได้เป็น 2 แบบด้วยกัน
สำหรับบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ประจำ
- สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน (ตัวจริง)
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- สำเนาหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
สำหรับบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจส่วนตัว
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน/ใบทะเบียนการค้า
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้/ผู้กู้ร่วม
- สำเนารายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (ทั้งในนามบุคคลและกิจการ)
- สำเนา ภ.พ.30 (ถ้ามี)
*ในทั้ง 2 ประเภท ถ้ามีผู้กู้ร่วมก็ต้องให้ผู้กู้ร่วมเตรียมเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลและเอกสารแสดงรายได้ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
— ยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์
เมื่อคุณยื่นเอกสารเพื่อขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์แล้ว ทางธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินราคาหลักประกันของเรา เพื่อประกอบการอนุมัติ และเมื่อได้รับการอนุมัติจากธนาคารใหม่ที่เราเลือกเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะแจ้งให้เราติดต่อธนาคารเดิมเพื่อสอบถามยอดหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอน
— ทำสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน
เจ้าหน้าที่จากธนาคารใหม่จะถือสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน พร้อมๆ กับการไปทำสัญญาจำนองที่กรมที่ดินในวันเดียวกัน
นอกจากนั้นยังมี ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ด้วย
โดยเมื่อเลือกธนาคารได้แล้ว ให้ลองนำไปคำนวณหักลบกับเงินที่ประหยัดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ ว่าค่าใช้จ่ายที่เสียไปจะคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่คุณประหยัดได้จากดอกเบี้ยที่ลดลงหรือไม่ โดยส่วนมาก ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์จะน้อยกว่าการซื้อบ้านใหม่ ซึ่งปกติมีค่าใช้จ่ายเรื่อง
- ค่าประเมินราคา (อาจมีค่าใช้จ่าย หรือไม่มี ขึ้นอยู่กับโปรโมชัน)
- ค่าจดจำนอง จ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้
- ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน (ไม่เกิน 10,000 บาท)
- ประกันอัคคีภัย (โดยปกติต้องทำทุก 1-3 ปี ตามกฎหมาย)
- ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ของธนาคาร
เคล็ดลับดีๆ ที่ช่วยรีไฟแนนซ์ให้ง่ายขึ้น
ให้พิจารณารายได้ว่า มีรายได้เพียงพอที่พอผ่อนชำระในแต่ละเดือนไหม หรือมีหลักทรัพย์อะไรที่เพิ่มมาใหม่จากเดิมและยังมีการผ่อนชำระอยู่ (ถ้ามีจะช่วยให้การรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่สามารถทำได้ไม่ง่ายนัก) และที่สำคัญ ควรตรวจสอบให้ดีว่าระบบเครดิตบูโรของเรายังดีอยู่หรือเปล่า
นอกจากนั้น สามารถนำบ้านที่กำลังผ่อนอยู่กับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร มาทำการรีไฟแนนซ์ผ่อนกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยถูกกว่าได้เหมือนกัน นอกจากจะทำให้ผ่อนบ้านได้หมดไวแล้ว ยังมีเงินเหลือเอาไปต่อยอดในการลงทุนได้อีกด้วย