ทำ คอนเทนต์ อย่าเน้นเอาฮา ต้องครบถ้วน ช่วยขายของ ส่งเสริมธุรกิจด้วย

โลกปัจจุบัน เป็นโลกแห่ง Content จริงๆ แล้ว เรื่องของ Content ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แปลตรงตัว ก็คือ เนื้อหา ที่เราต้องการนำเสนอให้ใครสักคน หรือหลายคน ได้รับทราบข้อมูล

โดยรูปแบบของ Content สามารถเป็นได้ทั้ง ข้อความ ภาพ เสียง หรือผสมผสานกันหลายอย่างก็ได้ แต่เป้าหมายสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ อีกฝ่ายต้องรู้เรื่อง ต้องเข้าใจ

พอเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู แพลตฟอร์มต่างๆ มีมากมาย แต่ละแพลตฟอร์ม ก็ขี้เกียจสร้าง Content ด้วยตัวเอง เพราะสิ้นเปลืองต้นทุน สู้ปล่อยให้คนดู คนเล่น ดูกันเอง สร้างกันเอง แล้วแบ่งเงินที่ได้จากสปอนเซอร์ให้ ก็น่าจะดีงามด้วยกันทุกฝ่าย

ความพิถีพิถันในการสร้าง จึงหายไป แต่ความสดใหม่ เข้ามาแทนที่ ความดิบ ความเป็นธรรมชาติ กลายเป็นสิ่งที่ฝั่งคนดู รู้สึกว่า ไม่ใช่ปัญหาในเชิง Production แต่รู้สึกว่ามีความจริง อันน่าเร้าใจมากกว่า Content ที่พิถีพิถันเรื่อง Production ซึ่งดูว่ามีการเตรียมการ มีการสร้างบท แอบซ่อนความโกหกเอาไว้บ้าง หลายคน จึงกลายเป็นเน็ตไอดอลได้ในชั่วข้ามคืน เพียงแค่ทำ Content ที่โดนใจคนดู

และถ้าสามารถจับทางอารมณ์ร่วมของคนดู แล้วสร้างอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถนำไปสู่การสร้างรายได้จาก Content อย่างง่ายๆ ไม่ต้องมีทีมงาน หรือ Production อลังการ รายได้ส่วนหนึ่ง ก็อาจมาจากส่วนแบ่งของแพลตฟอร์มเอง เมื่อปริมาณคนดูสามารถถึงตามเงื่อนไข อีกส่วนก็พร้อมจะมาจากสินค้าที่เสนอตัวเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้รีวิว

ที่ว่ามาข้างต้น ก็คงเป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว แต่ต้องการบอกว่า นั่นเป็นช่องทางของคนที่อยากสร้าง Content แล้วก่อเกิดรายได้จากการสร้าง Content ประหนึ่งว่ามีช่องรายการทีวี หรือมีสื่อเป็นของส่วนตัว แต่ผมอยากพูดถึง Content ที่เราเอามาช่วยขายของ ขายสินค้าที่เรามีอยู่ มาช่วยเสริมธุรกิจของเราที่กำลังดำเนินอยู่

ดังนั้น จุดเริ่มต้น และวิธีคิด Content จะแตกต่างกัน ถ้าอยากทำ Content เพื่อเป็นเน็ตไอดอล คงต้องแสวงหาความ สด ดิบ แปลก ยิ่งมาแนว “ฮา” ด้วยละก็ ถือว่าครบเครื่องแบบไทยๆ เพราะคนไทย ก็ชอบอะไรที่ไม่เน้นสาระ แต่เอาฮาเข้าว่า แต่ Content ช่วยขายของ ช่วยส่งเสริมธุรกิจ ต้องทำหน้าที่ “สื่อสารการตลาด”

แปลว่า ช่วยสื่อสารระหว่างธุรกิจของเรา กับกลุ่มลูกค้าคาดหวัง หรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และบาง Content ต้องทำหน้าที่ สร้างสัมพันธ์รักษาลูกค้าปัจจุบันเอาไว้ด้วย ขึ้นอยู่กับเราว่ากำลังจะให้ Content ช่วยทำหน้าที่อะไร การเริ่มต้น ต้องเริ่มจาก เรากำลังจะสื่อสารกับใคร และมีวัตถุประสงค์ในการสื่อสารเพื่ออะไร จากนั้นใช้หลักการง่ายๆ หลัก 3 Cs ประกอบด้วย Creative, Consistency, Clear Message

Creative คือ จะไม่สร้างสรรค์เลย มาแบบทื่อๆ ก็คงไม่ใช่นะ แต่อยากจะบอกว่า “อย่าเน้นเอาฮา” หลายคนชอบเข้าใจไปว่า การสร้างสรรค์ของ Content ต้องทำแบบฮา ไม่จำเป็นครับ แต่ความสร้างสรรค์ต้องให้ความน่าสนใจ ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องฮานะครับ เพียงแต่ว่า อย่าพยายามให้ฮามากเกิน จนมุกแป้ก ที่สำคัญ ต้องไม่ลืมว่า ภาพลักษณ์ของธุรกิจเรา ลูกค้าคาดหวังความฮาหรือเปล่า

Consistency กลุ่มเป้าหมาย มีสิ่งให้เสพเยอะ พร้อมจะโดน Content อื่นๆ มาช่วงชิงความสนใจไป ดังนั้น เมื่อคิดจะสร้าง Content ควรมีความสม่ำเสมอด้วย กลุ่มเป้าหมายจะได้รู้ว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เขาต้องมีเนื้อหาใหม่ๆ มาอีก ทำให้อยากติดตาม ไม่ใช่มา 1 วัน หายหัวไปเป็นสัปดาห์ กลับมาอีกที คงไม่มีใครรอ

ความสม่ำเสมอ ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องทุกวัน วันละหลายครั้ง บางทีถ้ามากเกิน กลุ่มเป้าหมายขี้เกียจติดตามได้เหมือนกัน เพราะเริ่มจะกลายเป็น Content ขยะ ที่มารบกวนมากเกินไป อีกอย่าง เคยใช้แนวทางแบบไหนในการสร้าง Content ความสม่ำเสมอยังหมายถึงการคงรูปแบบ คงสไตล์นั้นเอาไว้อีกด้วย เช่น มาแนวให้ความรู้ ก็ควรคงแนวนั้นไว้ ไม่ใช่วันนี้ให้ความรู้ อีกวันขายของฮาร์ดเซลเลย อีกวันมาเล่าเรื่องตลก เหมือนคนอารมณ์แปรปรวนมากไปหน่อยนะแบบนี้

Clear Message สำคัญยิ่งนัก สิ่งที่ต้องการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายคืออะไร “ต้องชัดเจน” เพราะความชัดเจนนำมาซึ่ง “ความเข้าใจ” และความเข้าใจส่งผลให้ “เห็นประโยชน์” มีโอกาสนำไปสู่ “การตัดสินใจซื้อ” ถ้าอยากขายของ Content ก็ชัดเจนไปเลยว่าต้องการขายของ ถ้าอยากบอกสรรพคุณ ก็ชัดเจนเรื่องสรรพคุณ ถ้าอยากให้ความรู้ก็มุ่งไปที่การให้ความรู้

หลักการ 3 อย่างนี้ เป็นพื้นฐานที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ กับการสร้าง Content เพื่อช่วยสื่อสารการตลาด ช่วยเสริมธุรกิจของเรา แม้ผมจะเกริ่นไว้ว่า อย่ามุ่งเน้นเอาฮา แต่ว่าไม่ได้ปฏิเสธนะครับ

ถ้าเราสามารถสร้างสรรค์ Content ที่มีความฮา ดึงดูดความสนใจกลุ่มเป้าหมายได้ ไม่ได้ฮาจนเสียจริตเสียภาพลักษณ์ธุรกิจ ดูแล้วฮา…แต่ว่าส่งสารถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน และบรรลุวัตถุประสงค์ ถ้าแบบนี้ก็ถือว่า…“ฮา อย่างมีคุณภาพ”