ขายให้ปังกว่าเดิม ด้วย Storytelling ใครงงอยู่ อ่าน 4 ข้อนี้ กระจ่าง!

Storytelling เทคนิคสำคัญในการขายให้ปังกว่าเดิม มือใหม่ยังงงอยู่ อ่าน 4 ข้อนี้ กระจ่างเลย!

สำหรับใครที่ทำอาชีพค้าขาย เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า สินค้า ของเราและคู่แข่งแทบไม่แตกต่างกันแต่ทำไมเขาถึงขายได้แพงกว่า ซึ่งหนึ่งในสาเหตุอาจเกี่ยวกับ Storytelling ก็เป็นได้ หลายคนอาจจะรู้ว่า Storytelling ทำได้อย่างไร แต่หากใครยังเป็นมือใหม่ ก็มาทำความรู้จักไปพร้อมๆ กันได้เลย

Storytelling คือ การตลาดรูปแบบหนึ่งที่อาศัยการเล่าเรื่องเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ เป็นการนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์หรือจุดเด่นของผลิตภัณฑ์และบริการให้ลูกค้าได้รับรู้แบบมีอรรถรส น่าติดตาม โดยลูกค้าจะได้เสพทั้ง การอ่าน ดู หรือฟัง แบบที่เขาไม่รู้ตัว

ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ จนอาจตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น จึงเป็นเหตุให้เจ้าของกิจการหันมาให้ความสำคัญเรื่องนี้มากขึ้น โดย เว็บไซต์ KKP Advice Center ได้แนะนำหลักการเล่าเรื่องแบบ Shortcut สำหรับคนอยากเริ่มเรียนรู้มีอยู่ 4 หัวข้อด้วยกัน ดังนี้

1. ต้องรู้จักลูกค้าให้ดี

ก่อนจะลงมือทำ สำคัญต้องเข้าใจ Customer Journey อะไรคือ Pain Point อะไรคือ Need อะไรคือ Interest ของลูกค้า ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าควรจะเล่าเรื่องอะไรที่น่าสนใจและเติมเต็มสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ ในทางการตลาดเราจะใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการสร้าง Persona หรือการสร้างบุคลิกและลักษณะของกลุ่มเป้าหมายจากข้อมูลที่ Insight เป็นตัวแทนของกลุ่มเป้าหมายนั้นๆ ซึ่งจะทำให้เราสื่อสารได้ไม่หลุดกรอบที่ควรจะเป็น เช่น ลิซ่า เป็นผู้หญิง อายุ 23-30 ปี พักอยู่คอนโดฯ เลี้ยงแมวเป็นเพื่อนคลายเหงา ชอบเล่น TikTok และ IG Story มีพูดถึงแมวบ่อยๆ ชอบเที่ยวคาเฟ่แนวธรรมชาติในวันเสาร์หรืออาทิตย์ พร้อมกับหนังสือแนวจิตวิทยา 1 เล่ม พร้อมแสดงความคิดเห็นลงบนโลก Social เมื่อพบเจอเหตุการณ์การทารุณกรรมสัตว์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์มากสำหรับการจะทำ Storytelling

2. ต้องเข้าใจสิ่งที่ต้องการขายให้ดี

เพราะของของเราดีแค่ไหน แต่ให้ข้อมูลไม่ครบ หรือไม่ถูกต้องก็อาจจะเป็นผลเสียตามมา ดังนั้น เราควรเข้าใจอย่างถ่องแท้ในผลิตภัณฑ์และบริการของเราว่า จุดเด่นมีอะไรบ้าง จุดไหนควรจะหยิบมานำเสนอ ซึ่งต้องเป็นเรื่องราวที่ลูกค้าต้องการได้อ่าน ได้ยิน หรือได้เห็นมัน

3. กำหนดแบบแนวคิด

ในการเล่าหรือถ่ายทอดคุณควรกำหนด Concept หรือ Big Idea ขึ้นมาเพื่อให้การถ่ายทอดไม่หลุดออกไปจากกรอบที่ควรจะเป็น ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทั้ง Mood & Tone ของการถ่ายทอดทั้งหมดว่าควรจะออกมาเศร้า สนุก หรือจุดตัดสินใจบางอย่างตามที่คุณต้องการ

4. หาเทคนิคถ่ายทอด

เทคนิคการเล่าเรื่องเดิมทีมีหลายแบบ ที่นิยมใช้และง่ายต่อการเริ่มต้นเรียนรู้เราขอนำเสนอแบบ Problem-Agitate-Solve ซึ่งเป็นรูปแบบหลักๆ ที่เห็นอยู่ในตลาดของสื่อโฆษณาและตามบล็อกของกูรูหรือแม้แต่ Influencer นักรีวิว ซึ่งจะมีอยู่ 3 ลำดับคือ

• Problem (ปัญหา) – กระแทกไปที่ปัญหา ข้อนี้เป็นเหตุผลที่เราต้องเข้าใจ Pain Point ของลูกค้าให้ดี ปัญหาจะเป็นจุดเริ่มต้นที่เราสามารถหยิบมาถ่ายทอดเพื่อดึงความสนใจซึ่งนั่นจะเป็นการบ่งบอกว่าเราเข้าใจลูกค้าเป็นอย่างดี
• Agitate (กวนใจ) – เป็นการเน้นย้ำปัญหาที่ยกขึ้นมาให้รู้สึกรุนแรงมากขึ้น เพื่อให้ผู้เสพสื่อนั้นได้รับความรู้สึกทางอารมณ์ เช่น หากปล่อยให้ปัญหานี้สะสมไปเรื่อยๆ จะมีผลร้ายอย่างไรกับสุขภาพหรือการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคหรือบุคคลที่มีผลต่อการตัดสินใจ
• Solve (แก้ไข) – นำเสนอด้วยวิธีการแก้ไขปัญหา โดยเราจะแสดงให้เห็นว่าแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์และบริการของเราสามารถแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างไร ซึ่งจะต้องจบด้วย Call To Action เสมอ เช่น ขจัดปัญหาคุณตอนนี้ โทรเลย สมัครเลย เป็นต้น