ผู้เขียน | สุมิตรา จันทร์เงา |
---|---|
เผยแพร่ |
ไม่ว่าจะกี่ปีกี่วันผันผ่าน โลกของ “กระดาษ” ที่มนุษย์รู้จักใช้มาอย่างต่อเนื่องหลายพันปีก็ยังมีความหมายทรงคุณค่าอยู่ในใจเสมอ
กระดาษที่บรรจุตัวอักษรจารึกเรื่องราวผ่านทาง เป็นตำนานประวัติศาสตร์บอกเล่าอารยธรรมเก่าแก่ของมนุษยชาติที่ผู้คนคุ้นเคยและผูกพันมาหลายยุคหลายสมัย กำลังถูกท้าทายด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ไม่ต้องการวัสดุสิ้นเปลืองมาบรรจุเรื่องราวอีกต่อไปแล้ว
ตัวหนังสือที่เราเคยคุ้นอยู่บนกระดาษในรูปสิ่งพิมพ์ บัดนี้ล่องหนอยู่ในอากาศที่มองไม่เห็น ส่งผ่านจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ด้วยการสื่อสารพิเศษจากทุกหนแห่งไปที่ใดก็ได้ในโลกนี้ที่มีเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ไว้บริการ
หนังสือนับร้อยนับพันเล่มถูกบีบอัดให้อยู่ในไฟล์ดิจิตอลเล็กจิ๋ว ไม่ต้องมีห้องสมุดหรือชั้นหนังสือมารองรับให้วุ่นวายเหมือนอดีตอีกแล้ว
และนับวันเรายิ่งได้เห็นตัวหนังสือบนกระดาษน้อยลงไปทุกที จนมาถึงศตวรรษใหม่นี้ประชากรยุคเจเนอเรชั่น ME เหลือความผูกพันกับหนังสือและกระดาษน้อยลงไปทุกที ถึงขนาดมีข่าวว่าหนังสืออาจจะสูญพันธุ์ไปในไม่ช้านี้
ไม่ต่างจากการถ่ายภาพด้วยกล้องใช้ฟิล์มที่ถูกแทนที่ด้วยกล้องดิจิตอล ทำให้อุตสาหกรรมฟิล์มภาพยนตร์แทบจะล้มหายตายไปจากโลกนี้ และกล้องดิจิตอลก็พัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นระบบอัจฉริยะสามารถย่อส่วนลงไปใส่ไว้ในโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ตโฟนที่กลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารสำคัญที่สุดของมนุษย์โลกในปัจจุบันไปแล้ว
บิล เกตส์ เจ้าพ่อเทคโนโลยี เคยกล่าวไว้ตั้งแต่ยังไม่เข้าศตวรรษที่ 21 ว่า “ใกล้จะหมดยุคของหนังสือกระดาษแล้ว อีกไม่นานเราจะไม่มีหนังสือกระดาษอีกต่อไป”
วาทะของบิล เกตส์ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะปัจจุบันหนังสือสำคัญในห้องสมุดครึ่งโลกได้กลายมาเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ “อีบุ๊ก” (e-book) ไปเรียบร้อย
จุดเร่งที่สำคัญให้เกิดการเปลี่ยนไปอ่านหนังสือออนไลน์แทนหนังสือกระดาษก็คือ ค่าดาวน์โหลดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปอ่านนั้นราคาถูกกว่าหนังสือกระดาษกว่าครึ่ง และมีแนวโน้มจะถูกลงไปเรื่อยๆ บางเล่มมีบริการดาวน์โหลดฟรีด้วยซ้ำ
เครื่องอ่าน e-book ทุกวันนี้ก็มีราคาถูกลงมาก และยิ่งเทคโนโลยีได้รับการพัฒนาล้ำหน้าไปมากขึ้นเท่าใด อุปกรณ์การสื่อสารเหล่านี้ก็จะยิ่งมีราคาย่อมเยาลงเป็นเงาตามตัว
เพราะเมื่อมีความต้องการใช้งานสูง การผลิตก็จะเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่สามารถลดต้นทุนวัตถุดิบและค่าโสหุ้ยอื่นๆ ได้มาก
ทุกวันนี้ เราจึงมีเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี โน้ตบุ๊ก แท็บเลต โทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน หรืออุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมอื่นๆ ที่ราคาถูกลงจนแทบจะกลายเป็นของใช้ปกติในชีวิตประจำวันไปแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า “หนังสือกระดาษ” ก็ยังเป็นของดีมีค่าจารึกอยู่ในใจผู้คนเสมอ
มีความผูกพันเชื่อมโยงบางอย่างที่เป็นสัมผัสทางใจซึ่งอธิบายไม่ได้ระหว่างหนังสือเล่มกับมนุษย์ ความรู้สึกนั้นยังอยู่ที่เดิมเสมอและประทับฝังแน่น
จึงไม่แปลกเลยที่การออกแบบสร้างสรรค์งานดีไซน์ โดยใช้รูปแบบปกหนังสือคลาสสิกมาห่อหุ้มบรรดา gadgets อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมทันสมัยต่างๆ ตามภาพที่เห็น
เป็น Laptop Cover หนังวัวแท้ ผลงานออกแบบจัดทำของบริษัท Twelve South มีให้สั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ตและร้านค้าออนไลน์ e-bay หลากรูปแบบหลายราคา ในชื่อสินค้า BookBook for iPad
ผู้ออกแบบสร้างสรรค์งานชิ้นนี้จับจุดได้โดนใจคนที่ยังรักและผูกพันกับหนังสือเล่ม จึงนำเอาความงามของหนังสือคลาสสิกยุคเก่าพวกหนังสือปกแข็งเย็บกี่ ไสกาวแข็งแรง โทนสีน้ำตาล-แดง-ทอง ซึ่งคุ้นตากันดีในห้องสมุดใหญ่ๆ มาเป็นต้นแบบสร้างสรรค์ซองหนังบรรจุอุปกรณ์โน้ตบุ๊กและไอแพดให้ออกมาเหมือนหนังสือเก่าเป๊ะ
โป๊ะเชะ!
เรียกว่าเลียนแบบก๊อบปี้ปกหนังสือกันมาอย่างแยกไม่ออกเลยทีเดียว ว่าอันไหนเป็นหนังสือจริงอันไหนเป็นแท็บเลตถ้าหากนำไปวางไว้ปนเปกับหนังสือเล่มอื่นๆ
บริษัท ทเวลฟ์เซาท์ นี้เป็นบริษัทที่รับออกแบบอุปกรณ์เสริมที่ใช้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple โดยเฉพาะ มีซองบรรจุไอแพด ไอโฟน และคอมพิวเตอร์แม็คบุ๊กแทบจะครบทุกรุ่น หลายขนาดต่างราคา เริ่มต้นตั้งแต่ราคา 70 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปจนถึงหลายร้อยเหรียญแล้วแต่คุณภาพของวัสดุที่ใช้
สำหรับซองหนังไอแพดที่เห็นนี้มีตั้งแต่ราคา 90-150 เหรียญ ใครสนใจก็สามารถเสิร์ชหาแบบที่ชอบและราคาที่ใช่ ผ่านอินเตอร์เน็ตได้เลย
การสั่งซื้อทุกวันนี้ทำได้ไม่ยากจากทั่วทุกมุมโลก และสินค้าส่งถึงมือทั้งทางเรือและทางเครื่องบินแล้วแต่ลูกค้าต้องการ
ตั้งใจเอาไอเดียนี้มาจุดประกายนักประดิษฐ์คนไทยที่ทำงานฝีมือหัตถกรรมได้ประณีตสวยงามไม่น้อยหน้าชาติใดในโลกนี้