เผยแพร่ |
---|
หากเอ่ยถึง “อาหารสุขภาพ” ที่กำลังมาแรงในยุคนี้ หลายคนคงจะนึกถึง “กระเทียมดำ” เป็นอันดับต้นๆ เพราะนอกจากจะมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย อาทิ ช่วยบำรุงสมอง ลดคอเรสเตอรอล ลดไขมันในเลือด ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญ คือ มีรสหวาน รับประทานง่าย กลิ่นไม่ฉุน ถูกใจคนไม่ชอบรสชาติอันเผ็ดร้อนและกลิ่นฉุนของกระเทียม
“กระเทียมดี” ทำไมต้อง “ดำ”?
“กระเทียมดำ” ที่กล่าวถึงข้างต้น ไม่ใช่กระเทียมสายพันธุ์ใหม่ที่มีสีดำแต่อย่างใด แต่เป็นกระเทียมไทย ที่พบเจอได้ในห้องครัวแทบทุกบ้าน นำไปใส่นวัตกรรมสมัยใหม่ด้วยการหมักบ่ม ภายใต้อุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม นานประมาณ 1 เดือน จนได้กระเทียมที่มีสีดำ เนื้อสัมผัสเหนียว ยืดหยุ่นคล้ายเจลลี่ รสชาติหวาน ปราศจากกลิ่นฉุน และมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูงกว่ากระเทียมสดถึง 13 เท่า
หลายคนอาจมีคำถามว่า ทำไมต้องนำกระเทียมสดมาผ่านกรรมวิธีให้กลายเป็นกระเทียมดำ ในเมื่ออาหารไทยแทบทุกจาน มีส่วนผสมของกระเทียมที่ช่วยปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว ?
นายนพดา อธิกากัมพู ผู้บริหารบริษัท นพดาโปรดักส์ จำกัด ผู้บุกเบิกการผลิตและจำหน่าย “กระเทียมดำ” ฝีมือคนไทย ภายใต้แบรนด์ “B-Garlic” กล่าวว่า เหตุผลหลักที่ต้องแปรรูปกระเทียมสดเป็น “กระเทียมดำ” คือ เพื่อความอยู่รอดของกระเทียมไทยและเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม และเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกร นั่นเอง
นพดา เล่าให้ฟังว่า ตัวเขาเติบโตมากับกระเทียม เพราะธุรกิจหลักของครอบครัวที่ทำมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ก็คือเป็นผู้ค้าส่งกระเทียมในจังหวัดลำพูน ทำให้มองเห็นวัฏจักรความเปลี่ยนแปลงของตลาดกระเทียมเป็นอย่างดี ตลอดจนได้รู้จักคลุกคลีกับเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมหลายครอบครัว ทำให้เข้าใจความเดือดร้อนของเกษตรกร จากที่เคยปลูกกระเทียมเลี้ยงครอบครัว มีรายได้ต่อปีนับแสนบาท ลดลงมาเหลือเพียงไม่กี่หมื่นบาทในช่วงไม่กี่ปีให้หลัง เพราะถูกกระเทียมนอกที่มีราคาต่ำกว่าเข้ามาตีตลาด ทำให้เขาเป็นห่วงว่า หากไม่ยื่นมือมาช่วยเหลืออย่างจริงจัง กระเทียมไทยอาจจะหายไปจากท้องตลาดในอีกไม่กี่ปี เพราะเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมก็จะหันไปปลูกพืชผักชนิดอื่นที่มีรายได้ดีกว่ากันหมด
จนกระทั่ง นพดาได้มีโอกาสเดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่น และพบกับกระเทียมดำที่เป็นสินค้าขึ้นชื่อของหมู่บ้านเกษตรกรแห่งหนึ่ง ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก เพราะราคาจำหน่ายกระเทียมดำต่อกิโลกรัมสูงถึง 3 พันบาทเลยทีเดียว
“สอบถามได้ความว่า รัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนการแปรรูปกระเทียมดำ เพื่อสร้างมูลค่าให้กับกระเทียม และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน พอกลับถึงเมืองไทย ผมก็เริ่มลงมือศึกษาหาข้อมูล ลองผิดลองถูกด้วยการทดลองหมักกระเทียมจากหม้อหุงข้าว 3 ใบ เพิ่มจำนวนเป็น 60 ใบ จนได้สูตรกระเทียมดำของตัวเอง จึงได้สั่งเครื่องจักรมาผลิตเป็นอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หนึ่งในพันธมิตรของโครงการไทยเด็ด ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ที่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมและวิสาหกิจชุมชนไทยให้มีความเข้มแข็ง” นพดากล่าว
“กระเทียมดำ” ที่ผ่านการหมักบ่มด้วยนวัตกรรมอันทันสมัย นอกจากจะมีรสหวาน รับประทานง่าย สามารถนำไปประกอบอาหารหรือทานเล่น ยังมีสรรพคุณทางการแพทย์มากมาย ดังนี้ 1. ช่วยควบคุมระดับความดันเลือด 2. ลดความหนืดของเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน 3. ลดน้ำตาลในเลือด 4. ลดไขมันและคอเลสเตอรอล 5. ช่วยบำรุงตับ 6. มีประสิทธิภาพในการช่วยควบคุมและลดขนาดของเนื้องอกไม่ให้มีการเจริญเติบโต 7. สาร SAC ในกระเทียมดำมีฤทธิ์ในการต่อต้านเซลล์มะเร็ง 8. มีสารบำรุงสมอง (GABA) 9. มี Antioxidant ในปริมาณสูง 10. ช่วยควบคุมโรคภูมิแพ้ 11. ช่วยขับสารพิษที่เข้าสู่อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย 12. ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย 13. ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น 14. แก้อาการแฮงก์ และขับพิษสุราที่เป็นอันตรายต่อตับ
ปัญหาหนึ่งของวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการขนาดย่อมที่พบเจอเป็นประจำ คือ โอกาสทางธุรกิจและช่องทางการตลาดที่ยังไม่กว้างพอ เช่นเดียวกับ กระเทียมดำ “B-Garlic” ที่แม้จะได้รับการตอบรับจากเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้รักสุขภาพ หลังจากเปิดตัวไม่นาน จนสามารถขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังร้านขายของฝากชื่อดังทางภาคเหนือหลายแห่ง กลายเป็นของดีประจำจังหวัดลำพูน แต่ก็ยังไม่แพร่หลายไปทั่วประเทศ
เพื่อช่วยวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการขนาดย่อมจากปัญหาดังกล่าว บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ บริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่ดำเนินธุรกิจด้านน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกชั้นนำของไทยและต่างประเทศ ที่มีวิสัยทัศน์ในการเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ควบคู่แนวคิดในการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมชุมชน เพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเติบโตไปด้วยกันอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน จึงได้นำจุดแข็ง คือ จำนวนสถานีบริการน้ำมัน PTT Station กว่า 1,900 แห่งทั่วประเทศ มาเป็นช่องทางการจำหน่ายให้กับสินค้าดีสินค้าเด่นประจำท้องถิ่น โดยได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร จัดตั้ง “โครงการไทยเด็ด” คัดสรรสินค้าจากชุมชนต่างๆ มาให้ผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทั่วประเทศคัดเลือกไปวางจำหน่ายที่ “มุมสินค้าไทยเด็ด” ในสถานีบริการ PTT Station ที่เข้าร่วมโครงการฯ โดย “กระเทียมดำ B-Garlic” ได้รับการคัดเลือกจากโออาร์ให้เป็นสินค้า “ไทยเด็ด Select รุ่นแรก” ซึ่งยิ่งส่งผลให้ “กระเทียมดำ” เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วประเทศ ทำให้ยอดจำหน่ายสินค้าพุ่งขึ้น และมีออร์เดอร์ส่งออกไปในหลายๆ ประเทศ
“ผมดีใจที่ได้เห็นสินค้าเกษตรของไทยที่เคยอยู่ใต้ถุนบ้าน สามารถโกอินเตอร์ได้ ที่สำคัญ ช่วยเพิ่มมูลค่ากระเทียมไทยจากราคาเพียงกิโลกรัมละ 13 บาท เป็นกิโลกรัมละ 1,300 บาท ปัจจุบันทางโรงงานมีการรับซื้อกระเทียมสดจากเกษตรกรเพิ่มขึ้นจาก 10 ตันต่อเดือน เป็น 25 ตันต่อเดือน เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมมีรายได้ที่แน่นอนจากการส่งกระเทียมป้อนโรงงาน และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่สำคัญ กระเทียมไทยจะยังอยู่คู่ครัวไทยไปอีกนาน” นพดากล่าวทิ้งท้าย
“ไทยเด็ด เด็ดที่ความคิดของคนไทย ที่ช่วยเหลือกัน”