เป็นไปได้ ..กาแฟ “ชะมด” ผลิตบนดอยตุง ตามไปดูแหล่งเลี้ยง-แหล่งปลูก

ได้ยินได้ฟังมานานแล้วเรื่องกาแฟชะมด แต่ด้วยความที่ไม่ใช่คอกาแฟ เลยไม่ได้เสาะหาที่จะดื่ม อีกอย่างรู้กันอยู่ว่าแพง

ผู้เขียนได้รับเกียรติจาก “คุณกลิ่นศักดิ์ ปิติวงษ์” หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ชวนให้ไปดูขั้นตอนการทำกาแฟชะมด ทำให้ได้รู้ได้เข้าใจกาแฟดังกล่าวมากขึ้น อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าอีเห็นกับชะมดเป็นสัตว์ในวงศ์เดียวกัน และกาแฟชะมดที่พูดๆ กันในเมืองไทยนั้น  หากจะเรียกให้ถูกต้องน่าจะเป็นกาแฟอีเห็นเสียมากกว่า

img_6721

คุยอร่อยกว่าของเวียดนาม

คุณกลิ่นศักดิ์ บรรยายสรรพคุณของกาแฟชะมดแม่ฟ้าหลวงว่า แม้กาแฟชะมดที่แม่ฟ้าหลวงอยู่ในช่วงเริ่มต้นได้เพียง 3 ปี แต่เป็นที่ยอมรับของลูกค้าที่นับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ จุดเด่นของกาแฟชะมดบนดอยตุงจะมีรสชาตินุ่มหอมหวาน มีลักษณะกลิ่นเฉพาะตัว หวานที่ปลายลิ้น ชุ่มที่คอ กาเฟอีนลดลง

พูดถึงกาแฟชะมด เชื่อว่ายังมีบางคนสงสัยอยู่ว่ากาแฟชะมดหรือกาแฟอีเห็น เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

คุณกลิ่นศักดิ์ อธิบายว่า ในสภาพความเป็นจริงชะมดกับอีเห็นธรรมดาหรืออีเห็นข้างลาย เป็นสัตว์ในวงศ์ชะมดและอีเห็น มีสถานภาพไม่จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งสัตว์ที่กินกาแฟจริงๆ แล้ว 80-90 เปอร์เซ็นต์ คืออีเห็น แต่คนไทยรู้จักกันในชื่อกาแฟชะมดเสียมากกว่า ความจริงอยากจะใช้คำว่ากาแฟอีเห็น แต่ผู้รู้ด้านการตลาดแนะนำว่าให้ใช้คำว่ากาแฟชะมดจะดีกว่าเพราะตลาดรู้จักกาแฟชะมดดีอยู่แล้ว

เขาพูดที่มาที่ไปของการทำกาแฟชะมดนี้ว่า เป็นการต่อยอดเพิ่มรายได้ให้พนักงานสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าดอยตุง ซึ่งต่างมีความรู้เรื่องการเพาะเลี้ยงสัตว์อย่างดี และเห็นถึงศักยภาพของตัวอีเห็นที่ไม่ใช่สัตว์ป่าคุ้มครอง แต่สามารถส่งเสริมให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจได้ ขณะเดียวกัน พนักงานก็มีสวนกาแฟปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้ากันอยู่แล้ว และหากให้ตัวอีเห็นกินกาแฟจะเป็นการเพิ่มมูลค่ากาแฟอีกหลายเท่าตัว

img_6826

ได้เครื่องหมาย GI

กาแฟชะมดบนดอยตุงในอำเภอแม่ฟ้าหลวงที่มีความสูงกว่า 1,000 เมตร และเป็นกาแฟที่สหภาพยุโรป หรือ อียู ขึ้นทะเบียน GI (สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) เช่นเดียวกับกาแฟดอยช้าง เท่ากับเป็นเครื่องการันตีว่ากาแฟของที่นี่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยกาแฟธรรมดาที่คั่วแล้วราคาอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 1,000 บาท ในขณะที่กาแฟชะมดราคาอยู่ที่ 20,000 บาท ราคาขึ้นมาเป็น 20 เท่าตัว

คุณกลิ่นศักดิ์ ย้อนให้ฟังถึงช่วงแรกของกิจการนี้ว่า เริ่มเมื่อปี 2555 โดยทดลองจากอีเห็น 2 ตัวแรกให้พนักงานเก็บกาแฟที่ปลูกมาให้กิน และดูผลผลิตดูคุณภาพ ปรากฏว่าได้รับการรับรองว่าคุณภาพดี จึงเพิ่มผลผลิตจาก 2 ตัวเป็น 5 ตัว และมีการเพาะขยายพันธุ์ขึ้นมา โดยใช้สัตว์ที่ได้มา 2 ครอก มาขยาย จากนั้นเลี้ยงเป็นลูกป้อน (หมายถึงสัตว์ที่คนคอยดูแลป้อนนมป้อนน้ำมาตั้งแต่เกิด) มีความเชื่องจนสามารถจับเล่นสัมผัสได้

img_6696

คุณสมชาย อภิมงคลรัตน์ (กลาง) เกษตรกรที่เลี้ยงชะมด โชว์ขี้กาแฟจากอีเห็นที่เพิ่งเก็บได้

ปัจจุบันในกระบวนการผลิตสามารถจับคู่และออกแบบกรงเลี้ยงให้สะดวกต่อการจัดการได้ด้วย ตอนนี้มีอีเห็นเกือบ 20 ตัว มีพนักงานเข้าร่วมโครงการ 5 คน บางคนมี 3 ตัวบ้าง 2 ตัวบ้าง 6 ตัวบ้าง ส่วนพนักงานบางคนที่ไม่ได้ร่วมโครงการก็เข้ามาเป็นเครือข่ายเป็นผู้แทนจำหน่าย

สำหรับการเลี้ยงอีเห็นนั้น คุณกลิ่นศักดิ์ ระบุว่า เป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายมาก โดยจะให้อาหาร 2 มื้อคือ มื้อเช้ากับเย็น มื้อเช้าจะให้กล้วย ผลไม้ พร้อมไข่ดิบ ส่วนมื้อเย็นที่เป็นมื้อหลักให้กาแฟ ในฤดูกาแฟที่มี 3 เดือน เริ่มตั้งแต่พฤศจิกายนถึงมกราคม ส่วนนอกฤดูกาแฟให้อาหารพวกผลไม้และไข่ อาจจะเสริมด้วยอาหารสุนัขหรืออาหารแมว ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ให้ข้าวผสมโปรตีนเข้าไป

อีเห็นเป็นสัตว์ที่โตเต็มวัยได้ภายใน 2 ปี มีฤดูการผสมพันธุ์คล้ายๆ กับสุนัขและแมว ออกลูกครั้งละ 3-5 ตัว ใช้เวลาตั้งท้องอยู่ที่ 60 วัน และใช้เวลาเป็นสัดภายในปีประมาณครั้งหรือ 2 ครั้ง ซึ่งจริงๆ แล้วการผลิตอีเห็นง่ายถ้าสนใจรอบการเป็นสัดและมีการจัดการที่ดี ง่ายเหมือนเลี้ยงสุนัขและแมว

“กาแฟที่อีเห็นกินเราคัดสรรโดยมือคน เก็บกาแฟที่สุกงอมที่สุด มีรสชาติหวาน เหมือนมีน้ำตาลในตัวเป็นเมล็ดกาแฟที่เรียกว่า เชอร์รี่ โดยจะเก็บประมาณบ่าย 3 หรือ 4 โมงเย็น แล้วให้อีเห็นกินตอน 5 โมงเย็น ซึ่งจะไม่เกิดการบูดของตัวน้ำตาลในตัวกาแฟ เมื่อเก็บมาจะให้กินทันทีไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อควบคุมคุณภาพเมล็ดกาแฟ” คุณกลิ่นศักดิ์ กล่าวและว่า อีเห็นจะกินเมล็ดกาแฟโดยกินตรงที่เป็นวุ้นระหว่างตัวเชอร์รี่กับเมล็ดกะลาของกาแฟ ซึ่งเป็นกลูโคสมีรสหวาน เป็นการเพิ่มพลังงาน กินด้วยการกลืนตัวเมล็ดกะลาเข้าไปและจะขี้ออกเป็นผลผลิตของกาแฟชะมด

วางขายในแหล่งท่องเที่ยว

อีเห็นแต่ละตัวกินเมล็ดกาแฟในปริมาณที่แตกต่างกัน และไม่ได้กินทุกตัว บางตัวกินอยู่ประมาณวันละ 100 กรัม บางตัวกิน 500 กรัม บางตัวไม่กินเลย แล้วแต่ความชอบของแต่ละตัว และบางตัวที่กิน 500 กรัม  ถ้าวันไหนหนาวจะกินน้อย อุณหภูมิมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ถ้าหนาวบางตัวอาจจะไม่กินเลยก็ได้

 

img_7145

คุณกลิ่นศักดิ์ ให้ข้อมูลอีกว่า จริงๆ แล้วในสภาพกรงเลี้ยงควบคุมได้ง่ายกว่าในสภาพธรรมชาติ ในธรรมชาติอีเห็นกินหอย กินปู กินแมลง และมากินกาแฟ ซึ่งผลผลิตในธรรมชาติมีขี้ดิน มีโคลนผสม ถ้าเจอเร็ว สาร เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรายังไม่เข้าไปทำลายตัวผลิตภัณฑ์ แต่ถ้าเจอช้าตัวเชื้อราจะไปทำลายผลิตภัณฑ์ทำให้มีสารที่เป็นพิษตกค้างได้

แตกต่างจากในสภาพกรงเลี้ยง ผลผลิตที่ได้จะนำมาตาก หรือถ้าไม่มีแสงแดดก็อบ เพื่อให้แห้งไวที่สุด ปกติตากประมาณ 5 แดด จากนั้นจะบ่มเหมือนกับกาแฟทั่วไป ใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนเพื่อให้รสชาติดี แล้วถึงค่อยนำไปสีและเก็บ

“ตอนนี้ผลผลิตของเราผลิตได้ปีละ 50 กิโลกรัม แต่ยังต้องการตลาดอยู่ ซึ่งต้องการตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เรามีศักยภาพที่จะเพิ่มผลผลิตได้ สนใจโทรสอบถามได้ที่ 081 764-5127 ตอนนี้ก็มีวางขายอยู่แถวร้านกาแฟในเชียงราย ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ร้านค้าแถวจังหวัดพังงา และสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งในเชียงราย”

คุณกลิ่นศักดิ์ ยืนยันว่า กาแฟชะมดบนดอยที่แม่ฟ้าหลวงนี้คัดสรรคุณภาพทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การให้อีเห็นกินกาแฟที่มีคุณภาพ กระบวนการผลิตก็ควบคุมคุณภาพ ไม่ให้เกิดเชื้อรา มีกระบวนการบ่ม และกระบวนการเก็บที่มีคุณภาพ แบบสุญญากาศ ในอุณหภูมิที่ไม่เกิน 18 องศา ในห้องมืด ซึ่งกาแฟชะมดไม่ได้ทำได้ทั้งปี ได้แค่ช่วง 3 เดือนเท่านั้น เพราะตัวเมล็ดกาแฟมีเป็นฤดูแค่ 3 เดือน

img_6948

ชี้อีเห็นเป็นสัตว์เศรษฐกิจ

ในเรื่องราคาขายนั้น แม้ขายปลีกตกแก้วละ 299 บาท แต่คุณกลิ่นศักดิ์ บอกว่า เป็นราคาที่ทุกคนสามารถดื่มได้ เพราะถูกกว่าเจ้าอื่น  น่าจะถูกที่สุดในประเทศไทยด้วยซ้ำไป เพราะตามท้องตลาดขายกันอยู่ที่กิโลกรัมละ 50,000-100,000 บาท หรือ 150,000 บาท ตามกระบวนการหมักของแต่ละร้าน แต่ละสถานที่

สำหรับราคาขายตัวอีเห็นนั้น คุณกลิ่นศักดิ์ แจกแจงว่า ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อกับผู้ขาย แต่จริงๆ แล้วถ้าตัวไหนที่กินกาแฟแล้วอยู่ในมูลค่าไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท แต่ตัวไหนที่เป็นลูกป้อนจับเล่นได้ด้วย ตัวละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท อีเห็นถ้ามาสัมผัสแล้วจะรู้ว่าน่ารักเหมือนสุนัขเหมือนแมว เจอแล้วจะหลงรัก โดยเฉพาะพวกลูกป้อนทั้งหลาย อีกอย่างอีเห็นเป็นสัตว์สะอาด ขนสวย

“ตัวอีเห็นไม่ใช่สัตว์ป่าคุ้มครอง จริงๆ แล้วเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่น่าส่งเสริม มีคุณภาพ และถ้ามีการจัดการที่ดี เห็นควรส่งเสริมให้มีการผลิตและสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ด้วย” คุณกลิ่นศักดิ์ กล่าวและว่า ในอนาคตอาจมีการเลี้ยงอีเห็นไว้ให้เช่าเพื่อผลิตกาแฟ โดยแบ่งผลประโยชน์กันระหว่างเจ้าของอีเห็นกับเจ้าของสวนกาแฟ

ใครอยากชิมกาแฟชะมดแม่ฟ้าหลวง หรืออยากจะเป็นตัวแทนจำหน่าย ติดต่อได้ที่ คุณกลิ่นศักดิ์ ปิติวงษ์  โทร 081 764-5127ซึ่งเจ้าตัวรับประกันว่าคุณภาพคับแก้วจริงๆ