YUE-WAH ORIENTAL FOODS ตลาดไทยในแมดิสัน

เมืองที่ฉันอยู่ คือ เมืองแมดิสัน (Madison) รัฐวิสคอนซิน (Wisconsin) เป็นเมืองอยู่ทางตอนบนของอเมริกา ถ้าบอกว่าเมืองตอนบนก็หมายถึงมันใกล้ขั้วโลกเหนือเข้าไปทุกที มันจึงหนาวจับจิต ปีหนึ่งหนาวเสียครึ่ง ส่วนที่เหลือก็ยังเย็นๆ เรียกว่าไม่มีอุณหภูมิเกิน 20 องศาเซลเซียส เวลาหน้าหนาวนี่ก็ทะเลสาบแข็งกันไปทั้งเมือง วิ่งเล่นกันได้ ประมาณนั้น

เมืองนี้คนหลากหลายเชื้อชาติหลั่งไหลเข้ามา ทั้งที่หนาวๆ นี่ก็เถิด คนเอเชียเองก็ไม่น้อย (คนจีนมากที่สุดตามระเบียบ) เพราะเป็นเมืองการศึกษา เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน (University of Wisconsin-Madison) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก คนจึงหลั่งไหลมาเรียน-ทำงาน ร้านรวงของคนหลากหลายเชื้อชาติเหล่านี้จึงกระจายไปหมด ร้านอาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารไทย อาหารลาว อาหารแอฟริกัน อาหารอินเดีย เกินจะจาระไน

img_1820

 

นอกจากนั้นก็มีร้านสินค้าของแต่ละเชื้อชาติ เรียกว่าไม่ต่างไปจากอยู่ประเทศใครประเทศมัน อยากได้อะไรเหมือนที่เคยได้ในบ้านตัวเองก็มีให้ทั้งนั้น

 

YUE-WAH ORIENTAL FOODS เป็นร้านขายสินค้าและเครื่องปรุงหลากหลายเชื้อชาติ คือรวมหมดทั้งเอเชีย แอฟริกา อเมริกาใต้ เม็กซิโก อะไรต่อมิอะไรมีครบถ้วน

ที่น่าสนใจสุดคือ เจ้าของร้านเป็นคนไทย นักเรียนที่นี่เรียกว่า “พี่นวล” เด็กหน่อยก็เรียก “ป้านวล”

ซึ่งต่อมาปรากฏว่าพี่นวล ป้านวลนั้นเป็นอดีตอาจารย์ของฉันที่ธรรมศาสตร์ คืออาจารย์นวลจันทร์ จิราพร อาจารย์สอนคณิตศาสตร์อยู่ที่ธรรมศาสตร์ ไม่ได้สอนฉันหรอก แต่ก็อยู่คณะศิลปศาสตร์ ซึ่งฉันต้องเดินไปเรียนตอนอยู่ปี 1 ดังนั้น ฉันจึงนับถือท่านเป็นอาจารย์ฉันเหมือนกัน เจออาจารย์ที่อเมริกา ฉันก็ดี๊ด๊าออกหน้าออกตาจนคนหมั่นไส้ ช่างฉันเถอะ ฉันดีใจของฉัน

15942415_1544111402270507_756052560_n

ร้านของอาจารย์จะแบ่งสินค้าตามหมวดเชื้อชาติ ซอยนี้เป็นซอยเครื่องปรุงจากเมืองไทย อีกซอยจากเวียดนาม อีกซอยจากอเมริกาใต้ เม็กซิโก เครื่องปรุงสำหรับอาหารไทยนั้นมีครบถ้วนเกินจะพรรณนา ปลาทูแม่กลองมีให้กินด้วยแล้วกัน คิดดู ใครจะทานส้มตำมีมะละกอแบบขูดเป็นเส้นเรียบร้อยแล้วขายในราคาถุงละ 4 เหรียญ

อาจารย์ลาออกมาอยู่แมดิสันได้ 30 ปี ดำเนินกิจการร้านนี้ร่วมกับสามีมาแบบล้มลุกคลุกคลาน จนบัดนี้เป็นเจ้าของร้านขายของชำ ที่คนเอเชียในแมดิสันรู้จักดี ลูกเต้าใหญ่โตทำงานมีหลักมีฐาน ลูกสาวทำงานที่กระทรวงกลาโหม สหรัฐ ลูกชายเป็นข้าราชการที่แมดิสันนี่เอง

อาจารย์บริหารร้านกับสามีซึ่งเป็นลูกครึ่งจีนเวียดนาม เพิ่งขยับขยายร้านใหม่กว้างขวางกว่า 6,000 ตารางเมตร มีฐานะมั่นคงน่าอิจฉา

อาจารย์บอกว่า ตอนเริ่มต้นลำบาก โดยเฉพาะกับคนที่ร่ำเรียนมาระดับปริญญาเอก และใช้ชีวิตเป็นอาจารย์มาตลอด สมัยเริ่มร้านใหม่ๆ ต้องขับรถกระบะเข้าชิคาโก 2 คนกับสามี ก็สามสี่ชั่วโมงนั่นแหละ เพื่อรับสินค้ามาขาย ยกข้าวของเองทุกอย่าง กว่าจะค่อยสบายได้ในวันนี้ก็เหนื่อยมามาก

ย้ำอีกทีว่าแมดิสันหน้าหนาวจะหนาวมาก อุณหภูมิติดลบหลายสิบองศา การขับรถฝ่าหิมะไปเอาข้าวของมาขาย คงไม่ใช่เรื่องสนุก แต่อาจารย์ก็ผ่านมันมาแล้ว

img_1788

อาจารย์เล่าว่า สามีอาจารย์รับซื้อร้านนี้มาจากเพื่อนและน้อง เจ้าของเดิมเป็นคนจีน ชื่อจึงเป็นจีน ซึ่งอาจารย์และสามีไม่คิดจะเปลี่ยน เริ่มแรกอาจารย์ไม่เห็นด้วยที่ซื้อร้าน เพราะไม่ชอบทำการค้า ยังอยากกลับไปสอนหนังสือ แต่สามีแอบไปซื้อ อาจารย์โกรธมาก บอกให้สามีเลิกทำร้านเจ้าตัวก็ยืนกรานไม่ยอม ตัดสินใจปล่อยให้สามีทำไป หอบลูกกลับเมืองไทยไปสอนได้ 1 เทอม แต่สามีก็ยังไม่ยอมเลิกอยู่ดี ที่สุดอาจารย์เองต้องยอมลาออกมาช่วยที่ร้าน

“ก่อนนี้คนไม่รู้จัก ขายได้วันละ 100 เหรียญ แอบคิดว่าคงไม่รอดแน่ เดี๋ยวเขาก็เลิก แต่เขาก็ไม่ยอมเลิก คุยกับเพื่อนอาจารย์ด้วยกัน เขาสนับสนุนให้มาช่วยสามีทำร้าน เขาบอกว่าอาหารนี่ยังไงคนก็ต้องทาน ทำไปเถอะ บอกผู้บริหาร ท่านเข้าใจ ท่านบอกว่าให้เลือกเอาครอบครัวไว้ก่อน” อาจารย์จึงต้องทิ้งการสอนหนังสือที่ชอบไว้เพียงเท่านั้น

img_1806

อาจารย์บอกว่า ทุกวันนี้ถึงไม่ได้แบกหามแล้ว เพราะมีลูกจ้างทำให้ แต่ก็ยังเหนื่อยเพราะมีร้านประเภทเดียวกันเปิดขึ้นเยอะ แต่ละชาติก็มีร้านของตัวเอง ลูกค้าที่เคยหลั่งไหลมาร้านอาจารย์ก็ค่อยๆ กระจายไปตามร้านที่เกิดใหม่ ส่วนของอาจารย์อาศัยที่ขายของหลายเชื้อชาติจึงยังอยู่ได้

ร้านนี้ดังขนาดที่ว่า ใครไม่รู้จักเรียกว่าไม่ถึงแมดิสัน ใครมาขอจงแวะเวียนไปทำสถิติกับเขาเทอญ