ทำไม พญายอ จึงใช้แทนยาแผนปัจจุบันได้

ตั้งแต่ข้าพเจ้าได้รับหน้าที่ดูแลคอลัมน์พืชใกล้ตัว ก็ได้พยายามหาข้อมูลงานวิจัยสมุนไพรใหม่ๆ เพียงอย่างเดียว แต่บางครั้งก็อาจจะยังไม่ได้นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมิได้นึกถึงสมุนไพรที่มีข้อมูลงานวิจัยมาก มีการใช้จริงและบรรจุอยู่ในบัญชียาในโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศ
พญายอ หรือ สเลดพังพอนตัวเมีย คือ สมุนไพรชนิดเดียวกัน จากข้อมูลการใช้ตามภูมิปัญญา สามารถรักษาได้หลายอาการ เช่น ผิวหนัง ผื่น คัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา ยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวเอาแต่น้ำแล้วคายกากออก

ปัจจุบัน พญายอ ถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ กลุ่มยาพัฒนาจากสมุนไพร เป็นยาสำหรับรักษากลุ่มอาการทางระบบผิวหนัง บรรเทาอาการของเริมและงูสวัด รักษาแผลในปาก บรรเทาอาการผด ผื่น คัน ลมพิษ บรรเทาอาการปวดบวมจากแมลงกัดต่อย โดยมีการพัฒนายาหลายรูปแบบ เช่น ครีม กลีเซอรีน โล่ชั่น ยาหม่อง

งานวิจัยที่เปรียบเทียบครีมพญายอกับยาแผนปัจจุบัน ได้ถูกนำมาศึกษาในรูปแบบของ Systematic review และ meta-analysis เป็นการรวบรวมงานวิจัยทางคลินิก ทั้งหมด 4 การศึกษา เพื่อวิเคราะห์ผลด้านประสิทธิภาพในการรักษาโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์และโรคงูสวัด ด้วยการประเมินจากระยะเวลาของการตกสะเก็ดบริเวณแผล ภายในวันที่ 3 และหายได้ภายในวันที่ 7 โดยให้ใช้ทาบริเวณที่เป็นโรค 4-5 ครั้ง ต่อวัน

ผลการวิจัย พบว่า ครีมพญายอ มีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกับยาครีม Acyclovir ในการยับยั้งเชื้อ Herpes simplex virus ชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งหากดูที่ระยะเวลาของการตกสะเก็ดบริเวณแผลภายในวันที่ 3 จะพบได้ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ทั้ง 2 กลุ่ม และหายภายใน 7 วัน ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอก

จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้เห็นว่า ครีมพญายอและครีม Acyclovir มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อไวรัสได้เทียบเท่ากัน ด้วยกลไกยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส นอกจากนี้ ยังไม่พบผลข้างเคียงใดๆ จึงส่งผลให้ครีมพญายอ ได้ถูกนำมาใช้แทนยาแผนปัจจุบันในการรักษาโรคเริมและงูสวัดจนถึงปัจจุบัน

ขอบคุณ ข้อมูลจาก ภก. ณัฐดนัย มุสิกวงศ์ จาก อภัยภูเบศรสาร ปีที่ 14 ฉบับที่ 160